ด้วยระยะเวลาการงานที่ยาวนาน ที่นอนย่อมมีความเสื่อมสภาพไปเป็นธรรมดา แต่ครั้นจะตัดสินใจเลือกซื้อที่นอนใหม่ ก็ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ควรพิจารณาหรือคำนึงถึงคุณสมบัติใดเป็นสำคัญเพื่อประโยชน์ต่อการใช้งานสูงสุดและสุขภาพ ดาร์ลิ่งมีคำตอบ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับที่นอน
สิ่งที่ควรรู้อันแรกได้แก่ คุณสมบัติที่แตกต่างกันของที่นอนแต่ละชนิด วัสดุในการประกอบที่นอนที่จะส่งผลต่อความหนาแน่นและความยืดหยุ่นในการรองรับน้ำหนัก การเคลื่อนไหวของร่างกายในขณะหลับ การน้ำหนักกระจายของที่นอนแบบต่างๆ เช่น ด้วยระบบเครือข่ายสปริง โพสเจอร์ สปริงกิ้ง ซิสเต็ม ที่เกี่ยวโยงเป็นเส้นเดียวกัน ตลอดจนความยาวของที่นอน สปริงมากย่อมส่งผลต่อการการรองรับและกระจายน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น
ที่นอนที่ได้รับความนิยม
ที่นอนระบบพ็อกเก็ตสปริง ที่สามารถลดการสั่นสะเทือนเมื่อมีการขยับตัวขณะหลับ เพราะสปริงแต่ละตัวถูกบรรจุในซองแยกชิ้นจึงสามารถรองรับการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน ทำให้การเคลื่อนไหวในด้านหนึ่งของที่นอนจะไม่รบกวนการนอนของคนข้างๆ มีการกระจายน้ำหนักได้อย่างดีในทุกการเคลื่อนไหวในพักผ่อน
ที่นอนแบบเมมโมรีโฟมหรือเสริมเมมโมรีโฟม ด้วยคุณสมบัติที่คืนตัวได้ช้า และรองรับแรงกดทับได้ดีเยี่ยม จึงสามารถช่วยโอบรับสรีระตามการเคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับคนชอบที่นอนนุ่ม ซึ่งจะถูกใจที่นอนประเภทนี้เป็นพิเศษ เป็นต้น
6 ข้อควรรู้ง่ายๆ ในการเลือกซื้อที่นอน
- อย่าลืมวัดขนาดของเตียงก่อนไปเลือกซื้อที่นอน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาในการเลือกซื้อที่นอนมาผิดไซส์ ผิดขนาด นอกจากนี้ควรศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวกับส่วนประกอบของที่นอนไว้บ้าง จะได้ไม่ถูกทางร้าน เชียร์สินค้าที่ดูเกินจริง
- ที่นอนจะนอนสบายเหมาะสมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้นอน ลองเปรียบเทียบ ความสบาย และการรองรับของที่นอนที่ร้าน กับที่นอนของตัวเองเพื่อหาที่นอนที่เหมาะที่สุด ทำการทดลองนอนลงไปบนที่นอนที่จะซื้อ ในท่านอนปกติเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที เพื่อทดสอบความหนาแน่น นุ่มสบาย โอบรับสรีระของตัวเราเองได้อย่างเหมาะสมดีหรือไม่
- เลือกวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตที่นอน ซึ่งที่นอนที่ดีควรมีลักษณะระดับความนุ่ม หรือแน่นหนาที่พอดี ไม่นุ่มหรือแน่นเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสรีระของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งถ้าคุณได้ทดลองนอนดูแล้วไม่เกิดอาการปวดหลังที่นอนไม่นิ่มยวบมากจนเกินไป โอบรับสรีระได้ดี ไม่เกิดอาการเมื่อยตัว ถือที่นอนนั้นเหมาะสมสำหรับคุณ และควรเลือกที่นอนที่มีความยาวมากกว่าความสูงของตัวเองอย่างน้อย 15 ซม. เพื่อป้องกันการนอนตกที่นอนอีกด้วย
- ควรตรวจสอบละเอียดเงื่อนไขการรับประกัน และต้องมีใบรับประกันพร้อมประทับตราและวันที่เริ่มรับประกัน สคบ. เอง มีการกำหนดให้มีการแจ้งรายละเอียด ราคา วัสดุที่ใช้ ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย ติดไว้ที่ที่นอนทุกหลังเพื่อสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค
- สอบถามผู้ขายด้วยว่าสามารถพับงอที่นอนได้หรือไม่ มากน้อยขนาดไหน เพื่อป้องกันที่นอน เสียหายในระหว่างการขนย้ายมาส่งให้กับคุณ
- การใช้ความร้อนทำความสะอาดเครื่องนอน
- ซักด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที
- สามารถกำจัดมูลของไรฝุ่นได้
- การซักผ้า จะช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี เพราะมูลไรละลายน้ำการคลุมด้วยผ้าป้องกันไรฝุ่น
- วิธีการนี้เป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อลดการสัมผัสกับไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ การใช้ ผ้ากันไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ เช่น พลาสติก หรือ ผ้าทอแน่นที่มีรูห่างของผ้าเล็กกว่ามูลไร (10ไมโครเมตร) หุ้มที่นอน/หมอน ทำให้สามารถกั้นมูลไม่ให้ฟุ้งออกจากเครื่องนอนมาสัมผัสเรา มีผลให้ลดการสูดดมลงได้ แต่การใช้ผ้ากันไรฝุ่นไม่ได้ช่วยลดปริมาณตัวไรแต่อย่างใด
เครื่องดูดฝุ่น
สามารถช่วยลดมูลไรฝุ่นได้ควรใช้เครื่องที่มีถุงเก็บกัก 2 ชั้น หรือถุงอย่างหนาเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของสารก่อภูมิแพ้ แต่วิธีนี้ช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ แต่ไม่ลดปริมาณไรฝุ่น
เครื่องกรองอากาศ
มีประโยชน์ในการดักจับสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยในอากาศ จึงช่วยได้ระดับหนึ่งแต่ควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ การใช้สารธรรมชาติ การนำพืชสมุนไพรมาใช้ในการกำจัดไรฝุ่นก็เป็นอีกทางหนึ่งเช่น tannin เป็นสารทำลายโปรตีน สารก่อภูมิแพ้ (denaturants),น้ำมันยูคาลิปตัส,teaมักใช้ผสมน้ำสำหรับซักผ้า นอกจากนี้ยังมีการนำสารสมุนไพรมาเคลือบผ้า เช่นสารสกัดจากดอกChrysanthemums ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราชได้คิดค้นน้ำยาสกัดสมุนไพรฆ่าไรซึ่งได้ผลดี ฆ่าไรได้ 100%
Darling Deluxe Mattress
เป็นที่นอนแบบสปริง มีความยืดหยุ่นและทนทาน วงสปริงผ่านการอบด้วยความร้อนสูง ให้คุณได้สัมผัสแห่งการนอนหลับสนิทตลอดคืน นุ่มสบายในทุกอิริยาบถ เพราะผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ให้ความทนทานและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน หรูหราด้วยผ้าหุ้มแจ็คการ์ด ชั้นวัสดุภายในประกอบด้วยฟองน้ำเกรดเยี่ยม ที่เป็นเทคนิคการจากโรงงานของที่นอนดาร์ลิ่งโดยเฉพาะ คุณจึงสามารถวางใจในคุณภาพของ ที่นอน ดาร์ลิ่ง ที่ผ่านการยืนยันด้วยรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัลเอเชี่ยนไฮเทค, PM (Prime Minister) Award, รางวัลสินค้าไทยแห่งปี, Professional Trade Award, ISO 9001:2000 และ Thailand Trust Mark
เมื่อดูแลชุดเครื่องนอนอย่างดีที่สุดแล้ว มาตรฐานที่นอนทั่วไปจะมีอายุการใช้งานระหว่าง 5-10 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้ที่นอนอย่างเหมาะสม แม้ที่นอนบางรุ่นจะรับประกันถึง 10 ปี 12 ปี หรือ 15 ปี แต่นักวิจัยเผยว่าที่นอน 1 หลังถ้าใช้ให้คุ้มจริง ๆ เขาจะใช้เพียง 70-80% ของอายุของการรับประกันเท่านั้น เพราะคนเราแก่ขึ้นทุกปีและการนอนก็เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อใช้ยาว ๆ 15-20 ปี แบบที่พบเห็นกันในปัจจุบัน โดยบางคนฝืนนอนไปเรื่อย ๆ จนมีอาการปวดหลังและกลายเป็นอาการปวดที่เรื้อรังเนื่องจากสะสมมานานหรือที่นอนยุบเป็นแอ่งถึงจะเปลี่ยนที่นอน ซึ่งถ้าเปลี่ยนตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
เพราะต้องจ่ายทั้งค่าที่นอนที่แพงขึ้นกว่าคนปกตินอน (เพราะต้องนอนที่นอนให้ถูกต้องตามการรักษา) แล้วยังต้องจ่ายค่ารักษาทางการแพทย์อีก ซึ่งพบว่ามี 8 ใน 10 คนที่เปลี่ยนที่นอนเพราะปวดหลัง อีก 2 คนบอกเปลี่ยนเพราะที่นอนยุบ ซึ่งถ้าเป็นกรณีแบบที่ 2 ถือว่าโชคดีมาก เพราะเปลี่ยนที่นอนแล้วก็จบ แต่ถ้าเป็นแบบ 8 คนแรกละก็แย่เลย เพราะคงต้องใช้เวลารักษาอีกนาน
เพราะที่นอนหนึ่งหลังจะอยู่กับเราไปอีกยาวนานถึง 10-15 ปี การเลือกที่นอนที่ดีที่สุด ควรเลือกตามความพึงพอใจและตามการใช้งานของคุณเพื่อใหเกิดประโยชน์ที่คุ้มค่า ใช้แล้วมีความสบาย เพราะการนอนหลับสนิทและเต็มที่นั้น เปรียบเสมือนการที่เราได้ชาร์ตแบตเตอรี่ให้กับตัวเองนั้นเอง
ลิขสิทธิ์บทความของ ที่นอน Darling
ผู้จัดจำหน่าย ที่นอนดาร์ลิ่ง